นี่แหนะ เอาเงินไป


การขี่รถสองล้อที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไปท่ามกลางยานพาหนะอีกมหาศาลบนท้องถนนในกรุงเทพมหานคร คือการนำชีวิตไปเผชิญความเสี่ยง และเอาจิตใจไปรองรับอารมณ์ขุ่นมัวอันคาดเดาไม่ได้ของเหล่าสารถีที่หลงลืมไปว่าตนเองมีอำนาจควบคุมรถยนต์เพียงหนึ่งคัน หาใช่ถนนทั้งเส้น หรือโลกทั้งใบ

ท้องถนนอันแออัดทำให้ฉันเห็นว่า ลึกๆ แล้วความปรารถนาของมนุษย์ยิ่งใหญ่เกินกว่าอำนาจที่มี และบ่อยครั้งก็แสดงออกมาในรูปแบบของความกราดเกรี้ยวเกินจำเป็น เพราะอย่างน้อยการทำเช่นนั้นก็ให้ความรู้สึกว่าตนอยู่เหนือสรรพสิ่ง บางครั้งพวกเขาทำราวกับว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไม่ใช่ชีวิต หลายครั้งฉันจึงหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับความเกรี้ยวกราดนี้ ด้วยการโยนเงินจำนวนหนึ่งให้คนแปลกหน้าแล้วเข้าไปนั่งในยานพาหนะของเขา โดยมีความคิดที่ไม่ได้พูดออกไปว่า…

“นี่แหนะ เอาเงินไป แล้วช่วยแบกรับมวลความเกรี้ยวกราดมหาศาลเหล่านี้แทนฉันด้วย”

บางครั้งฉันก็นึกอยากมีเกราะป้องกันอีกชั้น ตัดขาดจากความเกรี้ยวกราดภายนอกด้วยการนั่งอยู่หลังพวงมาลัยในห้องปรับอากาศที่ห่อหุ้มด้วยเหล็กและกระจก เป็นคันเล็กน่ารักอย่างฮอนด้าบรีโอ้ นิสสันมาร์ช ซูซูกิสวิฟต์ เซเลริโอ มิตซูมิราจ มาสด้าสอง หรือโตโยต้ายารีสก็เพียงพอ แต่ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินแนะนำว่า ความคิดนี้จะมาเป็นพักๆ อย่างตอนที่เราต้องยืนรอรถเมล์ที่ไม่มีวันมาในเย็นวันหนึ่งที่ฝนตกหนักและพื้นมีน้ำขัง หรือตอนที่เราต้องยืนโบกแทกซี่คันแล้วคันเล่าที่ไม่พร้อมจะพาเราไปที่ไหนเลย จนเรานึกอยากให้แทกซี่เลือกมาเลยว่าจะไปไหนบ้างแล้วขึ้นป้ายไฟไว้หน้ารถ เพื่อผู้โดยสารจะได้โบกเฉพาะคันที่จะไป (แน่นอนว่าประโยคหลังนี้ผู้เชี่ยวชาญการเงินไม่ได้พูด ฉันพูดเอง)

ดังนั้น เพื่อเห็นแก่เงินในกระเป๋าที่มีอยู่อย่างน้อยนิด และเห็นแก่ปริมาณรถยนต์ที่มีอยู่มหาศาลเกินกว่าพื้นที่ถนนของเมืองจะรับไหว ฉันจึงคิดว่าการไม่ทำให้เงินของตัวเองติดลบ และขณะเดียวกันก็ไม่เพิ่มจำนวนรถยนต์อีกแม้เพียงหนึ่งคัน คือทางเลือกที่ฉลาดแล้ว

พูดถึงความฉลาด บอกตามตรงว่าฉันรู้สึกโง่เง่าทุกครั้งที่นั่งเฉยๆ อยู่ในห้องโดยสารที่ไม่เคลื่อนที่เลยแม้เพียงคืบเดียวแม้เวลาผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง คือ… ทำไมเราไม่เดินกันล่ะ? ไม่เห็นหรือว่าถนนลาดยางไม่ได้พาให้พาหนะเคลื่อนที่ไปได้เร็วขึ้นเหมือนที่มันถูกออกแบบมา ไม่เห็นหรือว่ารถยนต์ไม่ได้ย่นเวลาในการเดินทางอย่างที่มันถูกประดิษฐ์ขึ้น มนุษย์ต้องการเทคโนโลยีการเดินทางที่ล้ำหน้ากว่าถนนลาดยางและรถยนต์งั้นหรือ หรือเราเพียงต้องการความฉลาดอีกนิด ในการจัดการให้เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานได้อย่างที่ถูกออกแบบมา?

ใช่แล้ว ฉันกำลังพูดถึงมาตรการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับรถยนต์ส่วนตัวที่จะเข้ามาในย่านใจกลางเมืองในชั่วโมงเร่งด่วน การพัฒนารถโดยสารสาธารณะและระบบขนส่งมวลชนทั้งระบบ การเดินทางแบบ ride-sharing การใช้เทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์และควบคุมสัญญาณไฟจราจร และมาตรการอื่นๆ ที่จะช่วยจำกัดปริมาณรถให้สมดุลกับพื้นที่ถนนที่มีอยู่

“นี่แหนะ เอาเงินไป แล้วช่วยมีวิสัยทัศน์ในการทำงานด้วย”